วันพุธที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2558

บันทึกอนุทินครั้งที่ 8


บันทึกผลการเรียนรู้ประจำสัปดาห์


          วิชา การจัดประสบการณ์การศึกษาแบบเรียนรวมสำหรับเด็กปฐมวัย  วันที่ 5 มีนาม 2558

                 ชื่อ    นางสาววีนัส   ยอดแก้ว           กลุ่มเรียน  106      เวลา   13.10 น. - 16.40 น.


ความรู้ที่ได้รับ

         * กิจกรรมก่อนเข้าสู่บทเรียน
            อาจารย์แจกถุงมือให้นักศึกษาคนละ 1 ข้าง แล้วให้ใส่ไว้ในข้างที่ไม่ถนัด  จากนั้นให้ใช้มือข้างที่ถนัดวาดรูปมือของตนเองข้างที่ใส่ถุงมืออยู่และต้องวาดรายละเอียดของมือนั้นให้เหมือนที่สุดโดยห้ามถอดถุงมือออกมาดู
             ชึ่งกิจกรรมนี้ทำให้รู้จักการสังเกต  เปรียบเสมือนการสังเกตเด็กที่จะต้องมีการจดบันทึกตลอดเวลา  ไม่ควรสังเกตแล้วจำเพียงอย่างเดียว  เพราะอาจจะลืมสิ่งที่สังเกต




         * เข้าสู่บทเรียนเรื่อง การสอนเด็กพิเศษและเด็กปกติ

           การเข้าใจภาวะปกติ  : เด็กมักมีคล้ายคลึงกันมากกว่าแตกต่างกัน  ครูจะต้องเรียนรู้ มีปฏิสัมพันธ์กับเด็กปกติและเด็กพิเศษ รู้จักเด็กแต่ละคนและมองเด็กให้เป็นเด็ก
           การคัดแยกเด็กที่มีพัฒนาการช้า  : การเข้าใจพัฒนาการของเด็กจะช่วยให้ครูสามารถมองเห็นความแตกต่างของเด็กแต่ละคนได้ง่าย
           ความพร้อมของเด็ก  
              - วุฒิภาวะ   เด็กที่มีอายุใกล้เคียงกันจะมีวุฒิภาวะที่ไม่ค่อยแตกต่างกัน
              - แรงจูงใจ  เด็กแต่ละคนนั้นจะมีแรงจูงใจที่แตกต่างกัน
              - โอกาส     เด็กทุกคนมีโอกาสที่เท่าเทียมกัน รวมทั้งเด็กพิเศษด้วย
           การสอนโดยบังเอิญ  : เป็นการสอนที่เด็กเป็นฝ่ายเริ่ม เด็กเข้าหาครูมากเท่าไหร่ ยิ่งมีโอกาสในการสอนมากขึ้นเท่านั่น  เด็กจะค้นพบปัญหาด้วยตนเองและครูมีหน้าที่คอยให้คำแนะนำ ชี้แนะ
           อุปกรณ์  เด็กพิเศษจะเรียนรู้จากการสังเกตและเลียนแบบเด็กปกติและเด็กปกติจะเรียนรู้ที่จะช่วยเหลือเด็กพิเศษ  ของเล่นของเด็กควรเป็นของเล่นที่มีลักษณะง่ายๆไม่ตายตัวใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย เช่น บล็อก ดินน้ำมัน เป็นต้น
           ตารางประจำวัน  : เด็กพิเศษจะไม่สามารถยอมรับการเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ทำอยู่เป็นประจำได้  ตารางควรเรียงลำดับเป็นขั้นตอนและทำนายได้  ทำให้เด็กรู้สึกปลอดภัยและมั่นใจ การสลับทำกิจกรรมที่อยู่อย่างเงียบๆกับกิจกรรมที่เคลื่อนไหวมากๆควรคำนึงถึงความเหมาะสมของเวลา  
           ความยืดหยุ่น : การแก้แผนการสอนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ยอมรับขอบเขตความสามารถของเด็ก  
           การใช้สหวิทยาการ  : ใจกว้างต่อคำแนะนำของบุคคลในอาชีพอื่นๆ สร้างความสัมพันธ์ระหว่างการบำบัดกับกิจกรรมในห้องเรียน
           เทคนิคการให้แรงเสริม  : ตอบสนองด้วยวาจา  พยักหน้ารับ ยิ้ม ฟัง  สัมผัสทางกาย  และการให้ความช่วยเหลือหรือร่วมกิจกรรมกับเด็ก
           การแนะนำหรือบอกบทของครู  : การย่อยงาน  จัดลำดับความยากง่ายของงาน เป็นการเสริมแรงให้เด็กค่อย ๆ ก้าวไปสู่ความสำเร็จ
           การสอนแบบก้าวไปข้างหน้า หรือ การสอนย้อนมาจากข้างหลัง  ซึ่งควรสอนทั้ง 2 แบบ ควบคู่กันไป
           การลดหรือหยุดแรงเสริม  งดการให้แรงเสริมกับเด็กที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ทำอย่างอื่นและไม่สนใจเด็ก เอาอุปกรณ์หรือของเล่นออกจากเด็ก เอาเด็กออกจากการเล่น



สิ่งที่นำไปพัฒนา

         นำไปใช่เป็นแนวทางในการสอนเด็กพิเศษและเด็กปกติได้ นำความรู้ที่ได้รับไปปรับใช้กับเด็กในเรื่องการเข้าใจเด็ก  การคัดแยกเด็กที่มีพัฒนาการช้า ความพร้อมของเด็กแต่ละคน การเสริมแรง ซึ่งเนื้อหาเหล่านี้มีประโยชน์สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการสอนได้จริง นอกจากนี้ยังสามารถใช้เป็นแนวทางในการศึกษาค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติมเพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องของการสอนเด็กพิเศษและเด็กปกติมากยิ่งขึ้น



การประเมินผล

        ตนเอง   : เข้าห้องเรียนสายเล็กน้อย เนื่องจากติดธุระเรื่องหอพัก แต่งกายเรียบร้อย ตั้งใจฟังและให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมและตอบคำถามในชั้นเรียน
        เพื่อน     : ตรงต่อเวลา ตั้งใจเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมในชั้นเรียน
        อาจารย์ : อาจารย์มีกิจกรรมแปลกๆใหม่ๆมาให้นักศึกษาลองทำอยู่เสมอเพื่อให้นักศึกษาได้ผ่อนคลาย นอกจากนี้อาจารย์ยังสอนเข้าใจง่าย มีความชัดเจน มีการยกตัวอย่างสามารถนำความรู้ที่ได้รับมาประยุกต์ใช้ได้จริง


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น